"พญาเสือ" ผู้เปลี่ยนชีวิต แพ๊ตตี้ ธวัชธนกิจ

"พญาเสือ" ไทเกอร์ วู้ดส์ คือชายที่ทำให้ แพ๊ตตี้ ธวัชธนกิจ หันมาจับกอล์ฟ

เธอมาจากอีกฝากโลกเพื่อมาเล่นกอล์ฟ เพราะนั้นเธอจึงพยายามมองหาตัวเองจนกลายมาเป็นทุกวันนี้ นับตั้งแต่ย่างเท้าสู่แผ่นดินอเมริกาของ "โปรเหมียว" ปภังกร "แพ๊ตตี้" ธวัชธนกิจ ตั้งแต่วัยเพียงแค่ 10 ขวบ มันทำให้โลกทัศน์ของสาวน้อยกว้างมากขึ้น หลังจาก 2 ปีที่เข้ามาเล่นกอล์ฟจากการเห็น "พญาเสือ" ไทเกอร์ วู้ดส์ ตำนานสวิงสายเลือดไทย-อเมริกา ได้มาลงเล่นกอล์ฟที่ประเทศไทย


ก่อนที่จะมาเล่นกอล์ฟพ่อแม่ของ เหมียว ส่งเสริมให้ร้องเล่นเต้นรำ เพื่อให้มีการแสดงออก แต่ไม่ใช่กับการเล่นกีฬา อีกทั้ง เหมียว เองก็ไม่เคยสนใจกีฬาชนิดไหนเลย จนกระทั่งได้มาพบกับ วู้ดส์

มันเป็นในช่วงมกราคม 2008 ซึ่งเธอเพิ่งจะอายุครบ 8 ขวบในเดือน ต.ค.ก่อนหน้านั้น โดยสาวแพ๊ตตี้ เผยว่า "ฉันเห็นไทเกอร์ บนทีวี และเห็นการเล่นของเขา มันทำให้ฉันทึ่งกับเล่นของเขา ทุกอย่างที่เขาทำ และฉันบอกกับคุณพ่อว่า อยากจะเป็นให้ได้แบบนั้นบ้าง" แพ๊ตตี้ กล่าวต่อว่า "มันเปลี่ยนแปลงมุมมองของตัวเองไปเลย มันเปลี่ยนชีวิตของฉันด้วย"

ไทเกอร์ เข้ามามีบทบาทกับกีฬากอล์ฟในเมืองไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้ หนึ่งในนั้นก็คงจะได้เห็นในทุกๆสัปดาห์ที่ในการแข่งขัน แอลพีจีเอ ทัวร์ เองก็จะเห็นนักกอล์ฟสาวไทยหลายต่อหลายคนที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม

แพ๊ตตี้ ปัจจุบันรั้งอันดับท๊อป 150 ในอันดับ โรเลกซ์ แรงกิ้งโลก แม้ว่าเธอเพิ่งจะก้าวเข้ามาเป็นรุคกี้หน้าใหม่ของ แอลพีจีเอ ทัวร์ แต่เธอก็เป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่มี วู้ดส์ เป็นแรงบันดาลใจ

แม้ว่าจะมี ไทเกอร์ เป็นแรงบันดาลให้สนใจกอล์ฟ แต่ แพ๊ตตี้ ก็อาศัยอย่างอื่นในตัวเองเพื่อระเบิดพลังให้กับตัวเอง ตั้งแต่เริ่มต้นบ้านของเธออยู่ห่างจากสนามไดร์ฟเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ เหมียว ได้เปรียบคนอื่นๆในสถานที่ซ้อม ซึ่งก็เป็นสนามไดร์ฟที่แปลกไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน นั่นก็คือเป็นสนามไดร์ฟทะเลสาป และคงไม่มีอะไรจะสนุกเท่ากับการที่เด็กอายุ 8 ขวบจะได้ตีลูกกอล์ฟลงทะเลสาปอีกแล้ว

เหมียว เป็นหนึ่งในนักกอล์ฟเยาวชนที่มีศักยภาพ และมีความต้องการมากกว่าคนอื่นๆ

"ฉันต้องการที่จะตีไกลมากกว่าคนอื่นๆเสมอ และส่วนใหญ่ฉันมักจะเป็นเด็กที่ตัวใหญ่กว่าคนอื่นๆในกลุ่ม ชนิดที่แค่ใช้เวดจ์ก็ตีออนกรีนได้ และหลายครั้งที่จะต้องรอคนอื่นๆตีเสมอๆ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก"

แพ๊ตตี้ มีความหลงไหลในเกมกอล์ฟอย่างแท้จริง พ่อเธอจับให้ลงเล่นในรายการ จูเนียร์ หลายรายการที่เมืองไทยตั้งแต่อายุเพียงแค่ 9 ขวบ และก็คว้าชัยชนะมาอย่างมากมาย

"ฉันเป็นเด็กสาวที่มีความสุขมากที่สุดในสนาม ฉันฉลองกับตัวเองทุกครั้งที่ตี ไม่เว้นแม้แต่การตีลูกจากบังเกอร์ เพราะฉันไม่ได้ตีลูกในบังเกอร์ทั้งวัน มันจึงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นที่จะได้ตีลูกจากบังเกอร์ และดีใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสนาม"

เมื่ออายุ 10 ขวบ บ้านของเธอก็พาเธอเดินทางไปเล่นกอล์ฟที่ ซานดิอาโก้ เพื่อลงแข่งขันในรายการ จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ

"นับตั้งแต่ครั้งนั้น มันกลายเป็นเป้าหมายของตัวเองในการจะมาที่นี่ (อเมริกา) เพื่อที่จะมาเล่นที่นี่" โปรเหมียว เผย "ฉันมาที่นี่ (ตั้งแต่ระดับ จูเนียร์) และได้เห็นสนามทั้งหมดของที่นี่ และมันเป็นความได้เปรียบของตัวเองที่ได้มาที่นี่ ดังนั้นมันจึงเรียกไดว่าทุกอย่างเริ่มต้นตั้งแต่ 10 ขวบ ฉันมาที่นี่ และตะหนักได้ว่าตัวเองต้องการมาที่ อเมริกา และมาเล่นกอล์ฟในระดับมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ แอลพีจีเอ ทัวร์ ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดสำหรับตัวเอง"

เธอมาลงเล่นในรายการ เอเจจีเอ (American Junior Golf Association) ตั้งแต่อายุ 14 ขวบ ก่อนจบด้วยการคว้าอันดับ 5 ในรายการแรก ก่อนคว้าแชมป์ในรายการที่ 2 ที่ลงเล่น ด้วยชัยชนะ และสกอร์ ทำให้เธอเป็นที่ต้องตาของเหล่าบรรดาแมวมองจากทีมโค้ชของมหาวิทยาลัยต่างๆ

ชื่อของ แพ๊ตตี้ อยู่ในลิสต์ต้นๆของเหล่าโค้ช และจับจ้องที่จะดึงตัวเธอเข้าไปร่วมทัพ และเป็นที่จับจ้องในทุกแมตช์ที่เธอลงแข่งขัน ก่อนที่มหาวิทยาลัย ยูซีแอลเอ, ดุ๊ค, เท็กซัส และหลายๆที่

"ฉันเดินทาง และลงแข่งในหลายรายการของศึก ไทยแลนด์ แอลพีจีเอ ในช่วงระหว่างนั้น" แพ๊ตตี้ กล่าว "ดังนั้นเมื่อฉันได้รับว่าได้รับการจับจ้อง ฉันก็บอกกับตัวเองว่า ฉันจะไปที่ ยูซีแอลเอ และที่นั่นคือที่แรกที่ฉันมันจะไปเมื่อไปที่ สหรัฐอเมริกา และก็รู้สึกคุ้นเคยกับที่นั่น เหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง"

มันก็ไม่ใช่แค่การรู้สึกเหมือนบ้านเท่านั้นกับการได้มาอยู่ที่ แอลเอ แต่นั่นเป็นที่ซึ่งทำให้ แพ๊ตตี้ ได้ความรู้สึกที่แตกต่าง และครั้งแรกของเธอที่ แอลเอ มันทำให้เธอมีอิสระ และค้นหาตัวเอง รวมถึงการสร้างสรรค์ เรียนรู้ และใฝ่หาสิ่งใหม่ๆให้กับตัวเอง

"ด้วยสิ่งแวดล้อมทั้งหมดมันทำให้ฉันเติบโตขึ้น ตอนที่อยู่ที่ เอเชีย ที่ประเทศไทย วัฒนธรรม หรือความอนุรักษ์นิยม มีมากกว่านี้มาก ที่นี่ไม่เพียงแค่คุณจะต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น แต่คุณจะต้องออกไปพบปะกับสิ่งต่างๆในสังคมด้วย ฉันได้ไปที่ แคลิฟอร์เนีย ทำให้คิดว่ามันเป็นอะไรที่แตกต่างมาก มันมีชาวเอเชียมาก (ที่ แอลเอ และที่ ยูซีแอลเอ) แต่มันก็ไม่สามารถที่จะทำให้เราได้เป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นฉันจึงออกไปเจอะเจออะไรข้างนอก พบกับวัฒนธรรมอะไรใหม่ๆ"

ด้วยสิ่งนั่นทำให้ แพ๊ตตี้ ได้ค้นพบกับตัวเองมากขึ้น เติบโตมากขึ้น และนั่นก็กลายมาเป็นความมั่นใจที่เธอจะเป็นตัวของตัวเองในทุกๆที่เธอการ

"ฉันได้พบกับตัวเองมากขึ้นในช่วงเวลาของฉันที่ ยูซีแอลเอ" แพ๊ตตี้ กล่าว "มันก็ต้องใช้เวลาซักพัก แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าตัวเองเป็นคนยังไง"

ส่วนหนึ่งของการได้พบกับตัวเองทำให้เธอได้ความมั่นใจมากขึ้น และนั่นก็ช่วยให้เกมของเธอในสนามด้วย ซึ่งทำให้เธอมีผลงานที่ยอดเยี่ยม และพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เธอไม่เพียงผ่อนคลายเท่านั้นเวลาต้องเผชิญหน้ากับผู้คน ในการแข่งขันที่ เกนบริดจ์ แอลพีจีเอ ที่ โบคา ริโอ เธอต้องลงเล่นร่วมกับ นาตาลี กูลบิส และหลายคนตะโกนใส่เธอว่า "ยายหน้ามันฝรั่งบด" ในขณะที่เธอกำลังไดร์ฟ แต่นั่นมันก็ทำให้เธอมีปฏิกิริยาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่เธอจะเข้าใจสถานการณ์แล้วเดินหน้าทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป

"เป็นเพราะประสบการณ์ของตัวเองจากการแข่งขัน ซีเมนตรา ทัวร์ มันจึงทำให้ฉันไม่คิดว่าตัวเองเป็นรุคกี้" แพ๊ตตี้ กล่าว "มันทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย (ลงเล่นใน แอลพีจีเอ ทัวร์) และฉันคิดเสมอว่าตัวเองสู้กับเขาได้ทุกคน ในเวลาเดียวกันก็ตะหนักว่า นี่มันเป็นปีแรกของตัวเอง และยังมีอะไรอีกมากที่จะต้องเรียนรู้ ดังนั้นจึงสงบจิตใจ แล้วบอกกับตัวเองว่า "ใจเย็นๆ และพยายามเรียนรู้ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทุกๆสัปดาห์" มันเป็นเหมือนกับทุกๆคนที่จะต้องเรียนรู้ และปรับตัว ฉันหยุดที่จะเติบโตขึ้นไม่ได้ มันยังมีอะไรอีกมากที่ฉันจะต้องเรียนรู้"

ทีมกอล์ฟสยามกีฬารายวัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Lenskart พร้อมเปิดตัวสาขาแรกที่สเปลล์ ฟิวเจอร์ พาร์ค

กอล์ฟ ซาอุดิ เปิดตัว ท็อปกอล์ฟ คัลลาเวย์ ที่ ซาอุฯ

แชมป์เอเชียนเกมส์ ร่วมหวดสวิง เมียคยุง โอเพ่น สัปดาห์นี้