เชฟเฟลอร์ จารึกชื่อแชมป์เฟดเอ็กซ์คัพสำเร็จ หลังวืดมาสองปี

สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ กับถ้วยแชมป์ เดอะ ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ (Getty Images)

สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ มือหนึ่งโลกชาวอเมริกัน ปิดซีซั่นได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยตำแหน่งแชมป์เฟดเอ็กซ์ คัพ ครั้งแรก พร้อมโบนัสก้อนโต หลังคว้าชัยในศึกเพลย์ออฟสนามสุดท้ายรายการ เดอะ ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ชัยชนะดังกล่าวถือเป็นแชมป์รายการที่ 7 ของเชฟเฟลอร์ ในปี 2024 และเขายังคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสด้วย เมื่อรวมเงินรางวัลบวกกับโบนัสที่เขาทำได้ในปีนี้มีตัวเลขสูงถึง 62 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,125 ล้านบาท กลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่ชนะ 7 รายการหรือมากกว่าในฤดูกาลเดียว นับตั้งแต่ไทเกอร์ วูดส์ ทำได้ในปี 2007 (ภาพ: Getty Images)

เชฟเฟลอร์ กล่าวถึงผลงานที่สุดของตัวเองว่า "เป็นปีที่สนุก เราทำงานหนักเพื่อให้มาถึงจุดนี้ ตอนนี้ค่อนข้างเหนื่อย เลยไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไร เป็นความรู้สึกที่พิเศษมากที่คว้าถ้วยรางวัลรายการนี้ได้สำเร็จในที่สุด ตลอดสัปดาห์ ผมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะโฟกัสอยู่กับปัจจุบัน และก็ทำได้ดี คิดว่าสามารถจัดการกับสภาพจิตใจได้ดีขึ้น เมื่อสองฤดูกาลก่อนคว้ารางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปีของพีจีเอทัวร์ และไม่สามารถจบซีซั่นด้วยตำแหน่งแชมป์เฟดเอ็กซ์คัพ มันทิ้งความขมขื่นเอาไว้ บางทีในช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา ผมอาจกดดันตัวเองว่าต้องชนะมากเกินไปหรืออะไรก็ตาม แต่ปีนี้ผมทำได้เยี่ยมและปิดฉากได้สวยงาม"

พร้อมกันนี้ เชฟเฟลอร์ ยังกล่าวถึง เท็ดดี้ สก็อตต์ แคดดี้ส่วนตัว ว่า "เท็ดดี้มีคำแนะนำดีๆเสมอ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นแคดดี้ที่ดี ตลอดช่วงเวลาที่ร่วมงานกันมาไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่ได้แนะนำสิ่งดีๆ หรือไม่ได้ทำให้หัวเราะในยามต้องการ  เขาคือสมบัติล้ำค่าในสนาม ไม่รู้ว่าจะทำสิ่งเหล่านี้ได้หรือไม่หากไม่มีเขาเคียงข้าง  เขามักพูดถูกที่ถูกเวลาเสมอ ช่วยให้มีกรอบความคิดที่ถูกต้อง เขาทำให้ใจเย็นลงบนกรีนหลุม 8 หลังจากรู้สึกหัวเสียเมื่อเสียสองโบกี้ติดต่อกัน เขาพูดให้กำลังใจ ทำให้ตีเหล็กได้ดีในหลุมต่อมา กลับมาตั้งหลักได้ ทุกอย่างกลับมาเข้าที่เข้าทาง เป็นการเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมในรอบสุดท้ายสู่ตำแหน่งแชมป์ ตอนนี้รอคอยที่จะได้กลับบ้านและพักผ่อนหนึ่งสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ก่อนเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันเพรสซิเดนท์ส คัพ เพราะเป็นทัวร์นาเมนท์ที่ต้องการนำทีมสหรัฐอเมริกาคว้าชัยชนะที่รอยัล มอนทรีออล"