สี่หนุ่มไทยมั่นใจผลงานดีสวิง เอเชีย-แปซิฟิค หวังลุ้นโอกาสหวดสองรายการเมเจอร์
สี่นักกอล์ฟไทย (จากซ้าย) ศรุต วงค์ชัยสิทธิ์, รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์, อชิตะ เปี่ยมกุลวนิช และ พงศภัค เหล่าภักดี |
รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์, พงศภัค เหล่าภักดี, ศรุต วงค์ชัยสิทธิ์ และ อชิตะ เปี่ยมกุลวนิช สี่นักกอล์ฟตัวแทนจากประเทศไทย ยอมรับหวังรีดฟอร์มดีที่สุดในการแข่งขันกอล์ฟสมัครเล่นชาย รายการ "เอเชีย-แปซิฟิค อเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ" หรือ เอเอซี เพื่อโอกาสลุ้นสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน 2 รายการเมเจอร์ระดับโลกอย่าง ดิ โอเพ่น และ เดอะ มาสเตอร์ส ปีหน้า พร้อมทั้งเป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ ซึ่งจะแข่งขัน ณ สนามอมตะสปริง คันทรี คลับ จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคมนี้ และเป็นการหวนกลับมาจัดการแข่งขันที่ อมตะ สปริงฯ อีกครั้งในรอบ 10 ปี
รายการนี้จัดการแข่งขันโดย สมาพันธ์กอล์ฟเอเชีย-แปซิฟิก (เอพีจีซี) ร่วมกับ เดอะ มาสเตอร์ส ทัวร์นาเมนต์ และ องค์กรกำกับดูแลกีฬากอล์ฟระหว่างประเทศ (เดอะ อาร์แอนด์เอ) นับเป็นการจัดการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งที่ 13 โดยที่ผ่านมารายการนี้สร้างนักกอล์ฟระดับซูเปอร์สตาร์มาแล้วหลายคน โดยเฉพาะ ฮิเดกิ มัตซึยาม่า (แชมป์เมื่อปี 2010 และ 2011) นักกอล์ฟจากญี่ปุ่น เจ้าของแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส 2021 และรวมถึง คาเมอรอน สมิธ เจ้าของแชมป์ ดิ โอเพ่น 2022 จากออสเตรเลีย ที่เคยคว้าอันดับ 4 ในรายการนี้จากเมื่อปี 2011 ด้วย
ปีนี้นอกจากเป็นการหวนกลับมาจัดการแข่งขันที่ อมตะ สปริงฯ อีกครั้งในรอบ 10 ปี ยังมี 10 นักกอล์ฟตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันด้วย ซึ่งประกอบด้วย รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ มือสมัครเล่นอันดับ 12 ของโลก, วีรวิชญ์ นาคประชา เจ้าของเหรียญทองแดงบุคคลซีเกมส์ที่เวียดนาม, พงศภัค เหล่าภักดี อดีตแชมป์ไทยแลนด์ อเมเจอร์ โอเพ่น สองสมัย, อชิตะ เปี่ยมกุลวนิช แชมป์ไทยแลนด์ อเมเจอร์ โอเพ่น คนล่าสุด ยังมี จอมยุทธ์ เหลืองธนะอนันต์, จิรภัทร รุจิรวัฒน์, ณัฎฐพัชร์ แก้วพิบูลย์, ศุภกิจ สีลานาแก, ศรุต วงค์ชัยสิทธิ์ และ รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์ ร่วมแข่งขันด้วย
ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 25 ตุลาคม 2565 เป็นรอบฝึกซ้อมวันแรก พร้อมกับเปิดมีเดียเซนเตอร์ และมีสัมภาษณ์สี่นักกอล์ฟชาวไทยประกอบด้วย รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์, ศรุต วงค์ชัยสิทธิ์, พงศภัค เหล่าภักดี และ อชิตะ เปี่ยมกุลวนิช หลังจากลงฝึกซ้อมในสนามแข่งขันอย่างเป็นทางการ
รัญชนพงศ์ ลงเล่นรายการนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งถือว่ามีประสบการณ์มากที่สุด เปิดเผยว่า "ที่ผ่านมาได้รับประสบการณ์มากมายจากการแข่งขันรายการนี้ และหวังว่าครั้งนี้จะเป็นปีสั่งลาในการเล่นรายการนี้ เพื่อก้าวไปสู่ระดับอาชีพต่อไป หวังว่าจะปิดฉากสวยในการคว้าแชมป์ เพราะได้เล่นที่เมืองไทย และที่สนามอมตะฯ ที่มีสภาพที่ยอดเยี่ยม รวมถึงรางวัลล่อใจกับโอกาสร่วมแข่งขันใน 2 รายการเมเจอร์สด้วย"
ศรุต ที่ปัจจุบันศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐ และเป็นครั้งที่ 2 ที่เข้าร่วมรายการนี้ หลังทำผลงานได้ดีในการเล่นหนก่อนที่ ดูไบ กล่าวว่า "เริ่มคุ้นเคยกับรายการมากขึ้น การได้มาเล่นที่เมืองไทย ถือเป็นสิ่งที่ได้เปรียบในเรื่องความคุ้นเคย และเคยมีโอกาสลงเล่นที่นี่หลายครั้ง สนามลมแรง โดยเฉพาะหลุม 8-9 ที่มีน้ำด้านซ้าย"
ด้าน พงศภัค และ อชิตะ ที่ต่างลงเล่นเป็นครั้งแรกในรายการนี้ และต่างมีดีกรีเป็นแชมป์สมัครเล่นประเทศไทย รายการ สิงห์ ไทยแลนด์ อเมเจอร์ โอเพ่น ทั้งคู่ โดย พงศภัค เผยถึงโอกาสลงแข่งขันในรายการนี้ว่า "ยอมรับว่าตื่นเต้น เพราะนอกจากจะมีรางวัลล่อใจเป็นสิทธิ์ร่วมแข่งขัน 2 รายการเมเจอร์แล้ว ยังถือเป็นแมตช์แข่งขันรายการใหญ่ที่สุดในชีวิตที่เล่นในเมืองไทยอีกด้วย ยอมรับว่าได้เปรียบเล็กน้อย แต่ผลงานจะดีแค่ไหนอยู่ที่ตัวเองว่าจะทำผลงานออกมาดีแค่ไหน"
ขณะที่ อชิตะ ที่เพิ่งคว้าถ้วยพระราชทาน ร.7 จากการแข่งขันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กล่าวว่า "เพิ่งลงเล่นเป็นครั้งที่ 2 ในสนามนี้วันนี้ อุปสรรคของที่นี่คือความยาวของสนาม และต้องเจอกับลมแรง แต่ก็ซ้อมมาเต็มที่ อีกทั้งเพิ่งการคว้าถ้วย ร.7 ทำให้เพิ่มความมั่นใจมากขึ้น รวมถึงการได้เล่นต่อหน้าครอบครัว และแฟนกอล์ฟเมืองไทย น่าจะช่วยให้รู้สึกอบอุ่น"
ปีนี้มีนักกอล์ฟชั้นนำกว่า 119 คนจาก 38 ประเทศสมาชิก โดยแชมป์เอเอซี จะได้รับเชิญเข้าร่วมแข่งขันในระดับเมเจอร์ รายการ เดอะ มาสเตอร์ส 2023 และ ดิ โอเพน ครั้งที่ 151 ขณะที่รองแชมป์จะได้สิทธิ์ลงเล่นรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย เพื่อลุ้นสิทธิ์ลงแข่งขันรายการ ดิ โอเพ่น ต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น