ดีพี เวิลด์ ทัวร์-พีจีเอ ทัวร์ ประกาศร่วมมือระยะยาวเสริมความแกร่ง
เจย์ โมนาฮาน (ซ้าย) ประธานบริหารของพีจีเอทัวร์ และ คีธ เพลลีย์ ประธานบริหารของดีพี เวิลด์ ทัวร์ ประกาศความร่วมมือกันของทั้งสองทัวร์ |
ดีพี เวิลด์ ทัวร์ และ พีจีเอ ทัวร์ ประกาศผนึกกำลังบูรณาการเสริมความแข็งแกร่งของสองทัวร์ด้วยความร่วมมือระยะยาว 13 ปี พร้อมเพิ่มเวทีการแข่งขัน เงินรางวัล และเพิ่มโอกาสให้กับนักกอล์ฟทั่วโลกลุ้นคว้าสิทธิเข้าไปเล่นในพีจีเอทัวร์
การขยายความร่วมมือครั้งสำคัญดังกล่าวมีผลไปจนถึงปี 2035 ซึ่งถือเป็นการต่อยอดการเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์ของทั้งสองทัวร์ ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020 และได้เห็นการจัดการแข่งขันร่วมกันระหว่างสองทัวร์มาแล้ว 3 รายการ ได้แก่ รายการเจเนซิส สกอตติช โอเพ่น ในดีพี เวิลด์ ทัวร์ รายการ บาร์บาซอล แชมเปียนชิพ และบาร์ราคูด้า แชมเปียนชิพ ในพีจีเอทัวร์ ขณะเดียวกัน ดีพี เวิลด์ ทัวร์ ยังได้ผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันรายใหม่เพิ่มเข้ามาไม่ว่าจะเป็น เจนิซิส และ ฮอริซอน รวมถึงพันธมิตรรายใหม่ของทัวร์อย่าง บริษัทฟอร์ติเน็ต และ เวลโลซิตี้ โกลบอล โดยการร่วมมือกันของทั้งสองทัวร์ไม่เพียงขับเคลื่อนในเรื่องของการเพิ่มเงินรางวัลและการสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ ซึ่งส่งผลดีต่อสมาชิกในทัวร์ แต่ยังสร้างโอกาสสำคัญให้กับนักกอล์ฟของทั้งสองทัวร์ในอนาคตด้วยเช่นกันสำหรับความร่วมมือครั้งใหม่ในรูปแบบจอยท์เวนเจอร์ (joint venture) ในครั้งนี้ พีจีเอ ทัวร์จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นที่มีอยู่ในบริษัทยูโรเปี้ยน ทัวร์ โพรดักชันส์ (European Tour Productions) จาก 15 เปอร์เซ็นต์เป็น 40 เปอร์เซ็นต์ และประสานความร่วมมือในการจัดการแข่งขันดีพี เวิลด์ ทัวร์ ทั่วโลก ขณะที่ ดีพี เวิลด์ ทัวร์ การันตีจะมีการเพิ่มจำนวนเงินรางวัลรวมทุกปีสำหรับสมาชิกของทัวร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งมีจำนวนสูงกว่าเงินรางวัลรวมในปี 2022 ที่ได้ประกาศแจ้งไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
คีธ เพลลีย์ ประธานบริหารของดีพี เวิลด์ ทัวร์ กล่าวว่า “การต่อยอดความสำเร็จพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเราและพีจีเอ ทัวร์ ในครั้งนี้ เป็นการขยายความร่วมมือและเป็นความก้าวหน้าในสิ่งที่เราทำมาตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยยกระดับกีฬากอล์ฟอาชีพชายของทั้งสองทัวร์ที่ประสบความสำเร็จมาตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี ผมเชื่อมั่นว่าการร่วมมือครั้งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมสำหรับทัวร์ของเรา สำหรับนักกอล์ฟในทัวร์ แฟนกีฬากอล์ฟ และเกมการแข่งขันกอล์ฟโดยรวม โดยทั้งสองทัวร์ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาและการประกาศความร่วมมือครั้งใหม่ในวันนี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งสองทัวร์เพื่อมอบสิ่งที่ดีกว่าเดิมให้กับสมาชิกในทัวร์ของเรา”
ด้านเจย์ โมนาฮาน ประธานบริหารของพีจีเอทัวร์ กล่าวว่า "การเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับยูโรเปี้ยนทัวร์ กรุ๊ป แสดงให้เห็นชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นการร่วมมือที่ทรงพลังสำหรับทั้งสองทัวร์ และเรารู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศขยายความร่วมมือครั้งสำคัญในวันนี้ ซึ่งเราจะยังคงทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการจัดการแข่งขันกอล์ฟทั่วโลกและสร้างสรรค์สิ่งใหม่เพื่อมอบความสนุกสนานและเกมกอล์ฟน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับแฟนกีฬากอล์ฟทั่วโลก ในนามของพีจีเอ ทัวร์ ผมต้องให้เครดิตกับ คีธ เพลลีย์ และทีมงาน ยูโรเปี้ยนทัวร์ กรุ๊ป สำหรับความมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อให้เกิดความร่วมมือในครั้งนี้”
รูปแบบการร่วมมือครั้งใหม่นี้ยังเพิ่มโอกาสในการแข่งขันและกำหนดเส้นทางสู่เวทีพีจีเอ ทัวร์ อย่างชัดเจน สำหรับนักกอล์ฟระดับชั้นนำทั่วโลก โดยนักกอล์ฟจากซันไชน์ ทัวร์ ของแอฟริกา และไอเอสพีเอส ฮันดะ พีจีเอ ทัวร์ ของออสเตรเลีย ผู้ซึ่งเป็นพันธมิตรกับดีพี เวิลด์ ทัวร์ อยู่แล้ว จะได้สิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นในพีจีเอ ทัวร์โดยตรง เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2023 เป็นต้นไป นักกอล์ฟใน 10 อันดับแรกของดีพี เวิลด์ ทัวร์ แรงกิ้ง เมื่อจบฤดูกาล (นอกเหนือจากนักกอล์ฟที่ได้รับสิทธิ์อยู่แล้ว) จะได้ตั๋วลุยศึกพีจีเอทัวร์ในฤดูกาลถัดไป
นอกจากนี้ ดีพี เวิลด์ ทัวร์ จะติดตามความคืบหน้าและประสานความร่วมมือกับพีจีเอทัวร์อย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับการจัดการแข่งขันรายการใหม่ที่ เจย์ โมนาฮาน ประธานบริหารพีจีเอ ทัวร์ ได้ประกาศระหว่างการแข่งขันรายการทราเวลเลอร์ส แชมเปียนชิพ ที่คอนเนคติคัต เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และนักกอล์ฟในดีพี เวิลด์ ทัวร์ สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น