ฟิตซ์แพทริก ทำฝันสำเร็จคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพ่น รับ 110 ล้านบาท
แมทธิว ฟิตซ์แพทริก โปรหนุ่มชาวอังกฤษ ปิดเกมด้วย 2 อันเดอร์พาร์ 68 ทำสกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 274 เฉือนชนะ สกอตตี ชาฟเฟเล่ มือ 1 ของโลก และ วิลล์ ซาลาทอริส 2 โปรชาวอเมริกันไปสโตรกเดียว คว้าแชมป์สำเร็จ กอล์ฟยูเอส โอเพ่น เมเจอร์ที่สามแห่งปีสำเร็จ พร้อมรับเงินรางวัลไปกว่า 110 ล้านบาท และทำสถิติการเป็นนักกอล์ฟคนที่สองต่อจาก แจค นิคลอส ที่คว้าแชมป์ยูเอส อเมเจอร์ และยูเอส โอเพ่น ในสนามเดียวกัน เจ้าตัวเผยเหมือนฝันเป็นจริง ในการแข่งขันที่รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2565 ตามเวลาประเทศไทย
นับเป็นการจัดแข่งขันรายการนี้ครั้งที่ 122 แข่งขันที่เดอะ คันทรี คลับ พาร์ 70 ชานเมืองบรู๊คไลน์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ชิงเงินรางวัลรวม 17.5 ล้านดอลลาร์หรือราว 612.1 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 16-19 มิถุนายน แข่งขันแบบสโตรกเพลย์ 72 หลุม 4 รอบ จบการเล่นในรอบสุดท้าย แมทธิว ฟิตซ์แพทริก โปรหนุ่มวัย 27 ปี จากอังกฤษ ที่ก่อนเริ่มรอบนี้อยู่ในฐานะผู้นำร่วม ทำเบอร์ดี้ที่หลุม 3 และหลุม 5 ก่อนมาเสียโบกี้ที่หลุม 6 แต่ก็ทำเบอร์ดี้คืนได้ที่หลุม 8 ก่อนมาเสีย 2 โบกี้ติดที่หลุม 10 และหลุม 11 และทำเพิ่มอีก 2 เบอร์ดี้ที่หลุม 13 และหลุม 15 นำอยู่สองสโตรกเมื่อเหลืออีกสามหลุมสุดท้าย
หลังเก็บพาร์ที่หลุม 16 และหลุม 17 ซาลาทอริส ตามจี้ติดแต้มเดียว ก่อนสตาร์ทหลุม 18 ฟิตซ์แพทริก ตีช็อตสองจากแฟร์เวย์บังเกอร์ด้านซ้ายไปออนกรีนเหลือระยะพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 19 ฟุต แม้ว่าหลุดซ้ายแต่ก็เก็บพาร์ทำสกอร์ 2 อันเดอร์พาร์ 68 สกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 274 ขณะที่ ซาลาทอริส มีโอกาสพัตต์เบอร์ดี้ เพื่อไปเล่นเพลย์ออฟ แต่โปรชาวอเมริกันพัตต์ระยะ 15 ฟุต หลุดปากหลุมออกซ้าย ทำสกอร์ 1 อันเดอร์พาร์ 69 สกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ 275 พลาดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย จบลงอันดับ 2 ร่วมกับ สกอตตี ชาฟเฟเล่ โปรมือ 1 ของโลก แชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ซึ่งทำ 3 อันเดอร์พาร์ 67 นับเป็นการได้รองแชมป์ในเมเจอร์ครั้งที่สองของ ซาลาทอริส หลังจากพ่ายให้กับ จัสติน โธมัส เพื่อนร่วมชาติ ในการเล่นเพลย์ออฟสโตรกเพลย์สามหลุมรายการพีจีเอ แชมเปียนชิพ ปีนี้
ฟิตซ์แพทริก คว้าแชมป์ ยูเอส โอเพ่น ครั้งนี้นับเป็นแชมป์เมเจอร์แรกในการเล่นอาชีพรับเงินรางวัลไป 3.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 110.1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังสร้างสถิติเป็นนักกอล์ฟคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ในสนามเดียวกัน ในรายการ ยูเอส โอเพ่น และ ยูเอส อเมเจอร์ (คว้าแชมป์ที่เดอะ คันทรี คลับ เมื่อปี 2013) ต่อจาก แจค นิคลอส ที่เคยทำไว้ที่สนามเพบเบิล บีช กอล์ฟ ลิงค์ส เมื่อปี 1961 และ 1972 และกลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 13 ที่คว้าแชมป์ทั้งสองรายการใหญ่ของยูเอสจีเอ และเป็นนักกอล์ฟต่างชาติที่ไม่ใช่อเมริกันคนแรกที่ทำได้อีกด้วย
โปรหนุ่มจากเมืองเชฟฟิลด์ เผยว่า "ผมรักสนามแห่งนี้ เพราะมันเหมาะกับเกมของผมและเล่นได้ดี และจุดเปลี่ยนจริงๆ อยู่ที่หลุม 15 ที่สามารถทำเบอร์ดี้ได้ ผมคิดว่ามันเป็นหนึ่งในช็อตที่ดีที่สุด ที่ทำให้ผมได้เปรียบก่อนจะมาคว้าแชมป์" ขณะที่ ซาลาทอริส เจ้าของอันดับที่สองร่วม ได้กล่าวยกย่อง ฟิตซ์แพทริก ว่า "ต้องยกให้ แมท เลยที่เขาเล่นในหลุม 18 เป็นการเล่นที่ยอดเยี่ยม ช็อตหนึ่งในประวัติศาสตร์ยูเอส โอเพ่น ผมเดินไปดูไลน์กรีน และคิดว่ามีโอกาส แต่เขาก็ไม่พลาด ผมต้องยกย่องฟิตซ์แพทริก ว่าเขาเล่นดีตลอดสัปดาห์นี้"
ด้าน ฮิเดกิ มัตซึยามะ โปรหนุ่มจากญี่ปุ่นแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2021 เรียกฟอร์มกลับมาได้ในรอบสุดท้าย ทำผลงาน 5 อันเดอร์พาร์ 65 โดยไม่เสียโบกี้เลย กลายป็นนักกอล์ฟคนแรกที่ไม่เสียโบกี้ในรอบสุดท้ายของการแข่งขัน ยูเอส โอเพ่น นับตั้งแต่ อดัม สกอตต์ จากออสเตรเลียทำไว้ในการแข่งขัน แชมเบอร์ส เบย์ เมื่อปี 2015 จบรอบสุดท้ายมัตซึยามะ ทำสกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 277 จบลงอันดับ 4 นับเป็นผลงานดีที่สุดของนักกอล์ฟเอเชีย ด้าน คอลลิน โมริคาวะ โปรชาวอเมริกัน แชมป์เมเจอร์สองรายการ ผู้นำร่วมหลังวันที่สอง ทำสกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 66 สกอร์รวม 2 อันเดอร์พาร์ 278 จบอันดับ 5 ร่วม เช่นเดียวกับ รอรี แมคอิลรอย โปรจากไอร์แลนด์เหนือแชมป์ปี 2011 ซึ่งทำผลงานเพิ่มรอบสุดท้าย 1 อันเดอร์พาร์ 69 ขณะที่ จอน ราห์ม โปรหนุ่มชาวสเปนแชมป์เมื่อปีที่แล้ว พลาดตีเกิน 4 โอเวอร์พาร์ 74 จบลงอันดับ 12 ร่วมสกอร์รวม 1 โอเวอร์พาร์ 281 ส่วนรางวัลนักกอล์ฟสมัครเล่นดีที่สุด (low amateur) เป็นของ เทรวิส วิค จากสหรัฐอเมริกา ทำสกอร์รวม 8 โอเวอร์พาร์ 288 (70-69-76-73) จบลงอันดับ 43 ร่วม
...............................................
สรุปผลการแข่งขัน
274 (-6) แมทธิว ฟิตซ์แพทริก (อังกฤษ) 68-70-68-68
275 (-5) สกอตตี ชาฟเฟเล่ (สหรัฐ) 70-67-71-67, วิลล์ ซาลาทอริส (สหรัฐ) 69-70-67-69
277 (-3) ฮิเดกิ มัตซึยามะ (ญี่ปุ่น) 70-70-72-65
278 (-2) คอลลิน โมริคาวะ (สหรัฐ) 69-66-77-66, รอรี แมคอิลรอย (ไอร์แลนด์เหนือ) 67-69-73-69
279 (-1) เดนนี แมคคาร์ธี (สหรัฐ) 73-70-68-68, อดัม แฮดวิน (แคนาดา) 66-72-70-71, คีแกน แบรดลีย์ (สหรัฐ) 70-69-69-71
280 (E) แกรี วูดแลนด์ (สหรัฐ) 69-73-69-69, โจเอล ดาห์เมน (สหรัฐ) 67-68-74-71
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น