ถิรวัฒน์-สดมภ์ นำร่วมจบรอบ 3 ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ บลูแคนยอน
ถิรวัฒน์ แก้วศิริบัณฑิต กดวันเดียวเก้าเบอร์ดี้ ทำสกอร์รวมสองวัน 11 อันเดอร์พาร์ 131 นำร่วมกับ สดมภ์ แก้วกาญจนา โดยมี สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย และ ฐิติพัศ เล็ม ตามหลังสองสโตรก ศึกกอล์ฟอาชีพไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ รายการสิงห์-เอสเอที ภูเก็ต คลาสสิก ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการแซนด์บ็อกซ์สวิง ที่สนามบลูแคนยอน คันทรี่คลับ ฝั่งเลกส์ คอร์ส ระยะ 7,061 หลา พาร์ 71 จ.ภูเก็ต
สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย จัดแข่งขันรายการนี้ ได้รับการสนับสนุน จากการกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จัด เก็บคะแนนสะสม ออร์เดอร์ ออฟ เมอริต รายการที่สามของไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ฤดูกาลนี้ ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท นับเป็นแมตช์ที่สามของโครงการ แซนด์บ็อกซ์ สวิง จากการสนับสนุนของทางจังหวัดภูเก็ต แข่งขันระบบปิดไม่มีคนดู เน้นมาตรการความปลอดภัยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 โดยนักกอล์ฟและเจ้าหน้าที่ทุกคน รวมถึงแคดดี้และผู้ติดตาม ต้องตรวจหาเชื้อแบบ เอทีเค ทุกๆ 5 วัน ตามมาตรการที่กำหนด ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏบัติงานยังต้อง สแกนคิวอาร์โค้ด กรอกแบบสอบถามประจำวันเพื่อประเมินความเสี่ยงติดเชื้ออีกด้วยรอบสองของการแข่งขันเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ถิรวัฒน์ แก้วศิริบัณฑิต นักกอล์ฟวัย 31 ปีซึ่งออกสตาร์ตที่หลุม 10 ฟอร์มร้อนแรงจัดโดยเฉพาะช็อตแอพโพรชก่อนเก็บเข้ามา 9 เบอร์ดี้ โดยเฉพาะการเก็บห้าเบอร์ดี้คิดต่อกันในช่วงห้าหลุมสุดท้ายเริ่มตั้งแต่หลุม 5 และจบวันโดยไม่มีโบกี้แม้แต่หลุมเดียวพร้อมจบรอบสองเข้ามา 9 อันเดอร์พาร์ 62 รวมสองวันรั้งจ่าฝูงรั้งจ่าฝูงร่วมกับ สดมภ์ แก้วกาญจนา ที่หวดเข้ามาอีก 6 อันเดอร์พาร์ 65 รวมแล้วมีคนละ 11 อันเดอร์พาร์ 131
นักกอล์ฟหนุ่มจากขอนแก่นเปิดเผยว่า “จริงๆช่วงนี้ผมตีเหล็กดีมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ปรากฏว่ารอบแรกกลับตีไม่ค่อยอยู่แฟร์เวย์เท่าไหร่เลยทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสทำแต้ม กลับไปก็คุยกับโค้ชเรื่องเบสิกนิดๆหน่อยๆก็เลยลองมาทำดู ปรากฏว่าวันนี้ตีอยู่แฟร์เวย์มากขึ้น ผิดแฟร์เวย์แค่สองหลุมเท่านั้น พออยู่แฟร์เวย์แล้วเราตีเหล็กดีอยู่แล้วก็เลยตีเข้าไปใกล้เยอะมาก มีโอกาสทำเบอร์ดี้ตลอด บวกกับวันนี้เป็นวันที่พัตต์ดีด้วย ช่วงห้าเบอร์ดี้ติดนั้นเข้าไปใกล้หมดเลยมีแคสองหลุมสุดท้ายเท่านั้น หลุม 8 พัตต์ประมาณ 10 หลา ส่วนหลุม ต พัตต์ประมาณ 5-6 หลา นอกนั้นใกล้ๆหมดเลย”
ถิรวัฒน์ยังได้กล่าวถึงโอกาสที่จะคว้าแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการที่สามในอาชีพต่อจากชัยชนะที่สนามกอล์ฟเขื่อนรัชชประภา เมื่อปี 2016 และเอเวอร์กรีน ฮิลล์ส เมื่อปี 2019 ว่า “ผมคิดว่าไปลุ้นกันที่พัตต์มากกว่า เพราะว่าสุดท้ายแล้วผมว่าคนที่ชนะก็ขึ้นอยู่กับพัตต์อยู่ดี ผมคิดว่าถ้าเรายังอยู่ในแผนของเรา ออกไปเล่นให้ดีที่สุดแล้วตีให้อยู่แฟร์เวย์ ตีออนให้เยอะเหมือนเดิม แล้วไปลุ้นพัตต์ก็คิดว่าน่าจะมีโอกาส”
ขณะที่ สดมภ์ แก้วกาญจนา นักกอล์ฟวัย 23 ปีจากนราธิวาสซึ่งกำลังลุ้นแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิตเปิดเผยหลังจบรอบสองที่เก็บเข้ามาหกเบอร์ดี้ไม่มีโบกี้ว่า “วันนี้เหล็กและไดร์ฟเวอร์ยังดีเหมือนเดิม 13 แฟร์เวย์ 17 กรีน ก็ถือวางตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ที่น่าพอใจคือวันนี้ตีไม่มีโบกี้เลย สำหรับรอบสุดท้ายจริงๆมันต้องอยู่ที่ทีช็อตก่อน เพราะสนามนี้มันต้องตีให้อยู่แฟร์เวย์ไว้ก่อนถึงจะทำสกอร์ได้ แล้วค่อยไปลุ้นกันที่พัตต์”
อันดับสามตามเข้ามาเท่ากันสองคน สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย นักกอล์ฟวัย 28 จากกรุงเทพฯ ที่ออกสตาร์ตเก้าหลุมแรก 5 อันเดอร์พาร์ก่อนจบรอบสองเขามา 6 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสองวัน 9 อันเดอร์พาร์ 133 เท่ากับ ฐิติพัศ เล็ม ซึ่งเก็บเข้ามา 6 เบอร์ดี้ก่อนจบรอบสองเข้ามา 4 อันเดอร์พาร์ 67
สุธีพัทธ์ อดีตแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ที่กบินทร์บุรีสปอร์ตคลับ หรือ เคบีเอสซี เมื่อปี 2018 เปิดเผยว่า “วันนี้สตาร์ตดีครับ เก้าหลุมแรกตีลบห้า แต่พอช็อตออกโบกี้ไปก็ฝืดเลยครับ วันนี้ได้แค็ดดี้กลับมาช่วยด้วยครับทำให้ผมมั่นใจขึ้นเยอะ สำหรับรอบสุดท้ายท้ายใครพัตต์มาก็มีลุ้น สำหรับส่วนตัวผมมั่นใจน่าจะไม่เกินท็อปสาม ส่วนใครจะแชมป์หรือไม่แชมป์อยู่ที่รอบสุดท้ายมากกว่า ซึ่งต้องแอพโพรชให้ดีให้ได้ขึ้นไปพัตต์สู้”
ด้าน ฐิติพัศ เล็ม นักกอล์ฟวัย 23 ปีจากกรุงเทพฯ ที่กำลังลุ้นแชมป์แรกในอาชีพหลังเคยจบอันดับสามที่เอเวอร์กรีน ฮิลล์ส เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมากล่าวว่า “สัปดาห์นี้เหมือนรู้ทางสนามมากขึ้น รู้ว่าอุปสรรคอยู่ทางไหน เข้าใจมันมากขึ้น และวันนี้ตีช็อตดีครับ ตีช็อตเข้าไปค่อนข้างใกล้กว่าวันแรกแต่ว่าพัตต์ลงบ้างไม่ลงบ้าง มีสามพัตต์ด้วย แต่โดยรวมพอใจครับ เพราะมีโอกาสขึ้นไปทำเยอะ สำหรับวันสุดท้ายอยู่ที่จังหวะครับ อยู่ที่วันนั้นใครฟอร์มดีกว่า สำหรับผมไม่ได้คาดหวังถึงแชมป์หรอกครับ ขอแค่สามารถเล่นตามแพลนให้ได้แล้วก็ทำให้ดีที่สุด”
ส่วน สุทธิเจตน์ คูห์รัตนพิศาล ซึ่งลงมาเล่ยช่วงเช้าอีก 3 หลุมก่อนจบรอบแรกในฐานะผู้นำที่สกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ 65 เข้ารอบสองเก็บเพิ่มอีก 2 อันเดอร์พาร์ 69 จาก 5 เบอร์ดี้ 3 โบกี้ รวมสองวัน 8 อันเดอร์พาร์ 134 เท่ากับ อติรุจ วินัยเจริญชัย ที่ทำเข้ามาอีก 66 ซึ่งนักกอล์ฟวัย 33 ปีจากราชบุรีเผยว่า “วันนี้โดยรวมค่อนข้างโอเคครับ แต่ว่ายังมีผิดพลาดในหลายๆจุด มีสามโบกี้ถือว่าผิดพลาดเยอะอยู่ครับ สำหรับรอบสุดท้ายปัจจัยสำคัฯของที่นี่มันมีทั้งหลุมทำแต้มและหลุมเสียแต้ม หลุมที่เสียแต้มเราต้องพยายามรักษาไว้ให้อยู่ ส่วนหลุมที่ทำแต้มเราก็ต้องพยายามทำให้ได้ เล่นตามเกมของสนามที่เขาออกแบบไว้ดีที่สุดก็จะได้เปรียบครับ”
อันดับเจ็ดร่วมตามเข้ามาเท่ากัน 3 คนที่สกอร์รวม 7 อันเดอร์พาร์ 135 ประกอบด้วย ชัยพัชร์ คูณมาก (68), ชนะโชค เดชภิรัตนมงคล (67) และ นิวพอร์ต ลาภาโรจน์กิจ (67) สำหรับ รัฐธีร์ ศิริธนากุลศักดิ์ อยู่อันดับสิบแต่เพียงผู้เดียวด้วยสกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ 136 หลังรอบสองกดเข้ามาวันเดียว 5 อันเดอร์พาร์ 66
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น