โปรจีน เร่งไม่ทัน โอทูล รับแชมป์ ทรัสต์กอล์ฟ วีเมนส์ สก๊อตติสฯ
โปรจีน อาฒยา ฐิติกุล สวิงสาวจากราชบุรี พยายามสู้เต็มที่ก่อนซิวอันดับ 2 ร่วม การแข่งขัน ทรัสต์กอล์ฟ วีเมนส์ สกอตติช โอเพ่น 2021 ที่ประเทศสก๊อตแลนด์ เมื่อช่วงดึกของวันอาทิตย์ที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยแชมป์ตกเป็นของ รีแอนน์ โอทูล สวิงสาวชาวอเมริกัน ที่หวด 8 อันเดอร์พาร์ 64 จากรอบสุดท้ายคว้าแชมป์แรกใน แอลพีจีเอ ทัวร์ ให้ตัวเองสำเร็จ
รายการนี้เป็นแมตช์ โคแซงชั่น ระหว่าง แอลพีจีเอ ทัวร์ และ เลดี้ส์ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ ชิงเงินรางวัล 1.5 ล้านเหรียยสหรัฐ (48 ล้านบาท) โดยมีทรัสต์กอล์ฟ บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีจากประเทศไทยลงนามให้การสนับสนุนหลักการแข่งขันเป็นปีแรก แข่งขันระหว่าง 12-15 ส.ค.นี้ ณ สนามกอล์ฟ ดัมบาร์นีลิงก์ คอร์ส ระยะ 6,584 หลา พาร์ 72 ในเมืองเลเวน ของสกอตแลนด์ โดยแมตช์นี้มีนักกอล์ฟหญิงชั้นนำร่วมหวดทั้งสิ้น 144 ราย รวมถึง 11 นักกอล์ฟสาวไทยร่วมหวด
จบการแข่งขันรอบสุดท้าย โปรจีน อาฒยา ฐิติกุล สาวน้อยวัย 18 ปีจากไทย พยายามกัดฟันสู้อย่างเต็มที่ หลังสตาร์ทรอบนี้ด้วยการตามผู้นำสโตรคเดียว ก่อนเก็บ 5 เบอร์ดี้ไม่เสียโบกี้เลยใน 9 หลุมแรก สกอร์ขึ้นมาบนลีดเดอร์บอร์ด ก่อน 9 หลุมหลังมาเสียโบกี้ที่หลุม 10 และ 14 และทำเบอร์ดี้เพิ่มอีก 3 เบอร์ดี้จากหลุม 11, 13 และ15 จบสกอร์วันนี้ด้วยผลงาน 6 อันเดอร์พาร์ 66 รวม 14 อันเดอร์พาร์ 274 คว้ารองแชมป์ร่วมกับ ลิเดีย โค สวิงสาวชาวนิวซีแลนด์ เจ้าของเหรียญทองแดงจากกีฬาโอลิมปิก ที่ทำสถิติสนามด้วยการทำไป 9 อันเดอร์พาร์ 63 เท่ากับ อัลลี่ อีวิ่ง ของสหรัฐ รับเงินรางวัลไปคนละ 96,829 เหรียญสหรัฐ (3 ล้านบาท) โดย โปรจีน พร้อมกับยังคงเป็นผู้นำตารางคะแนนสะสม เรซ ทู คอสตา เดล โซล ของฝั่งเลดี้ส์ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ ที่ 2,037 คะแนนต่อไป
มือ 1 เลดี้ส์ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ กล่าวว่า "วันนี้พัตต์ดีมาก และตีได้ดี ทำ 6 อันเดอร์พาร์ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอต่อการคว้าแชมป์ ทำให้รู้ว่าได้พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว และภูมิใจในตัวเองมาก ส่วนเป้าหมายในปีนี้ของจีน ก็คือพยายามพัฒนาการเล่นของตัวเองในทุกๆวัน และพยายามที่จะคว้าการ์ดทัวร์ เพื่อเป็นสมาชิกของแอลพีจีเอให้ได้"
แชมป์ตกเป็นของ รีแอนน์ โอทูล สวิงสาวชาวอเมริกัน ฮึดทำ 8 อันเดอร์พาร์ 64 จากในรอบสุดท้าย โดยไม่มีเสียโบกี้ ทำสกอร์รวมเข้ามา 17 อันเดอร์พาร์ 271 รับแชมป์ แอลพีจีเอ ทัวร์ เป็นรายการแรก ในรอบ 11 ปีกับการแข่งขันทั้งสิ้น 228 รายการ พร้อมเงินรางวัล 225,000 เหรียญสหรัฐ (7.2 ล้านบาท) ซึ่งสวิงวัย 34 ปี เผยว่า "ที่ทุ่มเททำมาตลอดชีวิตก็เพื่อสิ่งนี้ และฝันวัยเด็กก็กลายเป็นจริงในที่สุด มันก็เกือบ 10 ปีที่สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรา และคิดว่าปีนี้อะไรหลายๆอย่างมันก็สอดคล้องลงตัวไปหมด ทำให้ความพยายาม และอดทนของเราประสบความสำเร็จ"
โปรเม เอรียา จุฑานุกาล จบรอบนี้ด้วยการทำเพิ่มเข้ามาอีก 4 อันเดอร์พาร์ 68 จากผลงาน 1 อีเกิ้ล 3 เบอร์ดี้ 1 โบกี้ ทำสกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์ 275 คว้าอันดับ 4 พร้อมรับเงินรางวัลไป 58,098 เหรียญสหรัฐ (1.8 ล้านบาท) โดยมี ชาร์ลี่ ฮัลล์ จากอังกฤษ รั้งอันดับ 5 และ อัลลี่ อีวิ่ง จากสหรัฐ คว้าอันดับ 6 โดยสวิงสาววัย 25 ปี กล่าวว่า "สนุกมากๆกับการเล่นใน ลิ้งค์ คอร์ส เพราะรู้สึกว่าน่าสนใจและมีความท้าทายอย่างยิ่ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพอากาศว่าจะเป็นอย่างไร สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สนุกมาก และได้ประสบการณ์ที่ดีจากการแข่งขันครั้งนี้"
สาวไทยคนอื่นๆ "โปรจูเนียร์" จัสมิน สุวัณณะปุระ คว้าอันดับ 15 ร่วมจากผลงานรวม 7 อันเดอร์พาร์ 281 ขณะที่ โปรเมียว ปาจรีย์ อนันต์นฤการ จบด้วยสกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 282 คว้าอันดับ 22 ร่วม โปรเหมียว ปภังกร ธวัชธนกิจ คว้าอันดับ 27 ร่วมจากผลงานรวม 5 อันเดอร์พาร์ 283 และ โปรพริม พริมา ธรรมรักษ์ จบ 2 อันเดอร์พาร์ 286 คว้าอันดับ 37 ร่วม
ด้าน ทรัสต์กอล์ฟ ยังได้จัดกิจกรรมสะสมเงินบริจาคเพื่อมอบให้แก่มูลนิธิรามาธิบดี และระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Service) ของสหราชอาณาจักร หน่วยงานละ 46,400 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,531,200 บาท รวมทั้งสิ้น 92,800 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3,062,400 บาท จากการทำเบอร์ดี้และอีเกิ้ลในการแข่งขันรอบที่สาม เพื่อร่วมสมทบทุนโครงการป้องกันและช่วยเหลือสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการเตรียมความพร้อมของบุคลากร เครื่องมือแพทย์ ห้องผู้ป่วย ในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
ดร.ปริญ สิงหนาท ผู้ก่อตั้ง ทรัสต์กอล์ฟ กล่าวว่า "ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะ และรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้สนับสนุนเป็นปีแรก เรามีความมุ่งมั่นในการพัฒนาวงการกีฬากอล์ฟไทยสู่ระดับสากล ผ่านการร่วมมือกับนักกอล์ฟอาชีพรุ่นใหม่ที่ลงแข่งขันในเวทีระดับโลกในการสร้างสรรค์หลักสูตรการฝึกอบรมที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสนับสนุนทัวร์นาเมนต์ระดับโลกเพื่อช่วยสร้างโอกาสและผลักดันให้นักกอล์ฟไทยได้มีโอกาสเดินทางไปสร้างผลงานในรายการใหญ่ ๆ ที่ต่างประเทศ และเพื่อแสดงศักยภาพของนักกอล์ฟไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในวงการกอล์ฟสากล แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดในเมืองไทยที่กำลังเข้าขั้นวิกฤติ ทำให้เราพยายามคิดหากิจกรรมที่จะมีส่วนช่วยเยียวยาและสร้างประโยชน์คืนสู่สังคมให้มากขึ้น ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากมีจุดประสงค์หลักเพื่อมอบเงินบริจาคแก่มูลนิธิรามาธิบดีแล้ว ยังช่วยแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของคนไทยทุกภาคส่วน ซึ่งไม่ว่าจะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในแวดวงใด ก็สามารถร่วมให้ความช่วยเหลือและเยียวยาสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศได้อย่างไร้ข้อจำกัด ซึ่งทรัสต์กอล์ฟ รู้สึกภาคภูมิใจมากที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น